วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

คำถามท้ายบท

คำถามท้ายบท
1. โรคอ้วนมีกี่ประเภท
ก. 1 ประเภท
ข. 2 ประเภท
ค. 3 ประเภท
ง. 4 ประเภท

2.อ้วนลงพุง เกิดจากอะไร
ก.เกิดจากมีไขมันของอวัยวะภายในช่องท้องน้อยกว่าปกติ 
ข.เกิดจากมีไขมันของอวัยวะภายในช่องท้องมากกว่าปกติ 
ค.เกิดจากมีไขมันของอวัยวะภายนอกช่องท้องน้อยกว่าปกติ 
ง.เกิดจากมีไขมันของอวัยวะภายนอกช่องท้องมากกว่าปกติ 

3. ข้อใดเป็นสาเหตุของโรคอ้วน
ก. การได้รับพลังงานจากการรับประทานมากกว่าพลังงานที่ใช้ไป
ข. การออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ค. รับประทานอาหารครบ 5 หมู่
ง. ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มาก

4. ข้อใดไม่ใช่ผลข้างเคียงของการทานยาลดความอ้วน
ก. นอนหลับสบาย
ข. ปากแห้ง คอแห้ง
ค. ปวดศรีษะ
ง. คัดจมูก

5. ข้อใดไม่ใช่วิธีการลดความอ้วน
ก. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ข. ควบคุมอาหาร
ค. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
ง. กินของทอดบ่อยๆ

6. หากต้องการใช้ยาลดความอ้วน จะต้องมีดัชนีมวลกายเท่าไหร่
ก. 20
ข. 30
ค. 40
ง. 50

7.อาหารชนิดใดที่ควรหลีกเลี่ยงตอนลดความอ้วน
ก.ของมัน ของทอด
ข.ผลไม้
ค.ผัก
ง.ข้าว

8.เราควรรับอาหารที่มีสารคาร์โบไฮเดรตชนิดใดในช่วงลดความอ้วน
ก.ข้าวกล้อง
ข.ข้าวสวย
ค.มันเชื่อม
ง.โรตี

9.อาหารมื้อไหนสำคัญที่สุดในการลดความอ้วน
ก.มื้อเช้า
ข.มื้อเที่ยง
ค.มื้อเย็น
ง.มื้อดึก

10.ยา Orlistat มีผลข้างเคียงอย่างไร
ก.ผายลมบ่อย ถ่ายบ่อย
ข.ขับถ่ายยาก
ค.อุจจาระเหม็น
ง.หายใจไม่สะดวก


วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยาลดความอ้วน

    ยาลดความอ้วนทางลัดความผอมที่อันตราย!! 
                สิ่งแรกที่เราต้องเกริ่นกันก่อน คือ "โรคอ้วน" หรือ "ความอ้วน" เป็นสิ่งที่ต้องใช้การรักษาในระยะยาวเพื่อให้น้ำหนักลดและคงที่ไว้ เช่นเดียวกับในโรคเรื้อรังอื่น ๆ เช่น เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง การใช้ยาตามที่แพทย์สั่งอาจจะเหมาะสำหรับคนบางกลุ่ม ซึ่งในขณะที่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเหล่านี้จะค่อนข้างน้อย แต่ก็เคยมีรายงานอาการแทรกซ้อนอันตรายในภายหลัง ที่ต้องทราบก็คือ ยาพวกนี้ไม่ใช่ทางแก้สำหรับโรคอ้วนทุกประเภท การใช้ยาลดความอ้วนควรจะควบคู่ไปกับการออกกำลังและการเปลี่ยนอาหารการกิน เพื่อให้การลดน้ำหนักนั้นประสบความสำเร็จในระยะยาว

    ·       เมื่อไหร่ที่คุณจะต้องการยาลดความอ้วน
    เมื่อคุณมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป
     -เมื่อคุณมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 27 ขึ้นไป แต่มีอาการของโรคอ้วน เช่น เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูงร่วมด้วย

    ·       รู้จักยาลดความอ้วน
          ฤทธิ์ของยาลดความอ้วนประเภทหนึ่ง ก็คือ "กดความอยากอาหาร" ยาเหล่านี้จะมาในรูปของยาเม็ดหรือแคปซูล ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้สั่ง ที่พบได้มากคือ Phentermine จะช่วยลดน้ำหนักโดยการหลอกร่างกายให้เชื่อว่าไม่มีความหิว หรือหลอกว่าอิ่มแล้วด้วยการเพิ่มเซโรโทนิน หรือคาเทโคลามิน สารในสมองซึ่งส่งผลกระทบกับอารมณ์และความอยากอาหาร
          อีกประเภทหนึ่งก็คือตัวยาซึ่งจะไปยับยั้งการดูดซึมไขมัน หรือ Orlistat ซึ่งจะทำงานโดยการหยุดยั้งประมาณ 30% ของไขมันทั้งหมดที่เรากินเข้าไปไม่ให้มีการดูดซึมโดยร่างกาย และขับออกไปพร้อมกับอุจจาระ ตัวยาออร์ลิสแตท (ในชื่อการค้าคือ Xenical) นับเป็นยาชนิดเดียวที่ทาง FDA สหรัฐฯ อนุญาตให้ใช้กับการลดน้ำหนักระยะยาว แต่ก็ยังมีการห้ามไม่ให้ใช้นานเกินสองปี
          โดยทั่วไปแล้ว ออร์ลิสแตตจะค่อนข้างใช้ได้ผล ทำให้เกิดการลดน้ำหนักประมาณ 12-13 ปอนด์ ภายในระยะเวลาหนึ่งปี หากต้องการจะลดมากกว่านั้นต้องคู่กับการลดน้ำหนักโดยไม่ใช้ยาไปด้วย ส่วนใหญ่แล้วน้ำหนักจะลดได้ภายใน 6 เดือนแรก

    ·       ความเสี่ยงของยาลดความอ้วน
          ในระยะสั้น สำหรับคนที่เป็นโรคอ้วนแล้ว ยาเหล่านี้จะให้ผลดีต่อสุขภาพ แต่หากใช้เป็นระยะยาวแล้วควรสอบถามแพทย์ถึงความเสี่ยงต่อไปนี้
          -ติดยา ในปัจจุบัน ยาหลายชนิดยกเว้น Xenical เป็น "สารควบคุม" หมายความว่า แพทย์จำเป็นจะต้องทำตามขั้นตอนบางประการหากจะจ่ายยาให้คุณ เพราะยาตัวนั้นอาจเสพติดได้
            -ดื้อยา คนส่วนใหญ่มักจะลดน้ำหนักได้ภายใน 6 เดือนแรก ทำให้แพทย์บางคนเชื่อว่าอาจเป็นคนไข้ดื้อยา อย่างไรก็ดี ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นเพราะดื้อยา หรือเพราะยาถึงขีดจำกัดแล้วต่างหาก

    ·       ผลข้างเคียงที่ต้องเตรียมตัวรับ
          ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ของยาลดความอ้วนนั้นค่อนข้างน้อย และมักจะดีขึ้นเมื่อร่างกายของคุณปรับตัวกับยาได้ โดยยาประเภทกดความอยากอาหาร จะมีผลข้างเคียงคือ
          -กระตุ้นการเต้นของหัวใจ
    -เพิ่มความดันโลหิต
    -ท้องผูก
    -นอนไม่หลับ
    -คอแห้งอย่างมาก ปากแห้ง
    -มึนงง ปวดศีรษะ
    -วิตกกังวล
    -คัดจมูก

          สำหรับยา Orlistat นั้น อาจมีผลข้างเคียง อย่างเช่น ผายลมบ่อย อุจจาระเป็นมัน ถ่ายบ่อย หรือไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะชั่วคราวเท่านั้นและมักจะหายเอง แต่ก็หนักขึ้นได้เช่นกันถ้าคุณกินอาหารไขมันสูง และเพราะยานี้จะลดการดูดซึมไขมัน จึงลดการดูดซึมวิตามินซึ่งละลายในไขมันด้วย ทำให้คุณขาดวิตามินบางประเภทได้
          และเนื่องจากยาเหล่านี้ไม่ได้รับคำแนะนำให้ใช้ในระยะยาว จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ใครก็ตามซึ่งพยายามจะลดน้ำหนักควรจะเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เปลี่ยนนิสัยการกิน และออกกำลังให้มากขึ้นในขณะที่กินยานั้น

ตัวอย่างการลดความอ้วน

เมนูลดน้ำหนัก ลดความอ้วน สูตรนางเอก 5 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์

benz
            เบนซ์-พรชิตา ณ สงขลา ออกตัวว่าเป็นนางเอกช่างกิน แต่ที่ไม่อ้วนก็เพราะมีสูตรเด็ดไว้ค่อยควบคุมน้ำหนัก แถมสูตรนี้ยังฮิตในบรรดานางเอกช่อง 3 อีกด้วย บรรดาสาวๆ ที่อยากหุ่นดีไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
            เบนซ์ไม่ได้เน้นบำรุงผิวมาก เพราะใส่ใจเรื่องกินมากกว่า เบนซ์กับพี่ชายชอบหาเมนูสุขภาพที่ต้องมีผักและผลไม้มาลองทำกัน บางครั้งจะออกไปกินอาหารนอกบ้านกับพี่มิกซ์-บรมวุฒิ เลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพและอร่อย บางช่วงกินเพลินจนน้ำหนักเพิ่ม ก็ต้องนำสูตรลดความอ้วนมาใช้ สูตรนี้ทำแล้วเห็นผลดี ลดอ้วนได้โดยไม่ต้องอดอาหาร เบนซ์แนะนำเพื่อนๆ ดาราช่อง 3 หลายคนให้ลองทำ ล่าสุด นานา ไรบีนา กินสูตรนี้ก่อนที่จะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำค่ะ
สูตรลดอ้วนแบบเบนซ์เบนซ์
            เมนูลดน้ำหนัก สูตรนี้ใช้บ่อยเวลาที่ต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน ทำอาทิตย์เดียวลดได้ 5 กิโลกรัม หากทำซ้ำ 2 รอบจะลดได้ถึง 7 กิโลกรัม ควรกินน้ำอย่างน้อย 2 แก้วก่อนกินอาหารทุกมื้อ และทำติดต่อกันไม่เกิน 2 อาทิตย์
·       วันที่ 1
            เช้า โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
            เที่ยง ไข่ต้ม 2 ฟอง
            เย็น สลัดผักน้ำใส
·       วันที่ 2
เช้า น้ำผลไม้คั้น 1 แก้ว
เที่ยง ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
·       วันที่ 3
เช้า โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
 เที่ยง เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม
 เย็น สับปะรด 1 ชิ้น
·       วันที่ 4
เช้า น้ำผลไม้คั้น 1 แก้ว
เที่ยง ส้มตำ-ไก่ย่าง
เย็น โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย

·       วันที่ 5
เช้า น้ำผลไม้คั้น 1 แก้ว
เที่ยง สลัดผักน้ำใส + ไก่ย่าง
เย็น สลัดผักน้ำใส
·       วันที่ 6
เช้า น้ำผลไม้คั้น 1 แก้ว
เที่ยง ปลานึ่งหรือปลาย่าง (ไม่จำกัด)
เย็น นมสดรสจืด 1 แก้ว
·       วันที่ 7
เช้า ข้าว 1 ทัพพี + ไข่ต้ม 1 ฟอง
เที่ยง เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม
เย็น สับปะรด 1 ชิ้น



ทริคการกินอาการเพื่อลดน้ำหนัก

วิธีการกินอาหารเพื่อลดความอ้วน
1.หลังการตื่นนอนควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1 แก้ว เพราะการดื่มน้ำหลังจากการตื่นนอนอย่างน้อย 1 แก้ว จะทำให้ร่างกายของเราสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยให้ระบบการขับถ่ายของเสียของร่างกายเท่างานได้ง่ายยิ่งขึ้น
2.ทานดาร์กช็อกโกแลต ซึ่งจะต้องเป็นดาร์กช็อกโกแลตเท่านั้น เพราะในดาร์กช็อกโกแลตจะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ที่เป็นประโยชน์มากในหมู่สาวๆ
3.ลดการดื่มกาแฟ ชา และครีมเทียม
4.จดบันทึกประจำวัน เพื่อเป็นสิ่งเตือนให้คุณควบคุมพฤติกรรมและยับยั้งการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
5.ชั่งน้ำหนักอาทิตย์ละ 1 ครั้ง  เพราะถ้าหากคุณลดไม่ได้อย่างที่หวังไว้คุณอาจจะเครียดเผล่า ทางที่ดีคือ การชั่งน้ำหนักและสำรวจร่างกายของตัวเองเพียงอาทิตย์ละ 1 ครั้งก็เพียงพอ
6.การทานอาหารเช้า เพราะอาหารมื้อเช้าเป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน ถ้าหากคุณได้พลาดอาหารเช้าช่วงเวลาตั้งแต่ 06.00-10.00 น. ไปแล้ว ในมื้อต่อไปคุณอาจจะหิวมากขึ้น และอาจเผลอกินได้แบบไม่ยั้งซึ้งจะเป็นการเสียเวลาเปล่าที่จะลดน้ำหนัก
7.ให้เลือกรับประทานผักและผลไม้ให้มาก และอย่าละเลยในการรับประทานผักและผลไม้ เพราะในผักและผลไม้ มีทั้งสารอาหารต่างๆและเส้นใยอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และยังช่วยให้การลดความอ้วนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
8.ให้ความสนใจใส่ใจกับข้าวกล่องให้มากขึ้น
9.อย่าให้รางวัลตัวเองด้วยการไปทานอาหาร เพราะการที่คุณไปรับประทานอาหารที่ตามใจปากก็อาจจะทำให้คุณอ้วนได้ ซึ่งแนะนำการให้รางวัลตัวเองด้วยการทำสิ่งที่ตัวเองต้องการยกเว้นการรับประทานอาหาร อาจจะไป นวด เที่ยว ทำหน้า ทำผล ช้อปปิ้ง หรืออื่นๆแทน
10.การดื่มนม เป็นตัวช่วยหนึ่งที่สามารถทำให้คุณลดความอ้วนได้ เพราะนมอุดมไปด้วยแคลเซียม ถ้าหากร่างกายได้รับแคลเซียมสูงและวิตามินจะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ อีกทั้งนมยังช่วยให้อิ่มท้องจนไม่อยากเครื่องดื่มรสหวานหรืออาหารอีกด้วย
11.เกลือ และ น้ำตาล เป็นจอมวายร้าย
12.ใช้ภาชนะใส่อาหารให้เล็กลง
13.กินเพื่ออยู่ไม่ได้อยู่เพื่อกิน เพราะการลดน้ำหนักไม่ได้สำคัญอยู่ที่การกินอะไรเข้าไปแต่สำคัญที่ว่าคุณกินไปเพื่ออะไร หากใครที่ชอบการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ควรเลิกซะ ควรทานมื้อที่หิวจริงๆ แล้วให้กินแต่พออิ่ม
14.หลีกเลี่ยงอาหารที่ติดมัน หรือทอด เพราะอาหารที่มาพร้อมกับน้ำมันจะทำให้คุณนั้นอ้วนขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และรวมไม่ถึงอาหารประเภทที่ติดมันด้วย ไม่ว่าจะเป็น หนังไก่ กุนเชียง กากหมู หมูสามชั้นทอด
15.หลีกเลี่ยงไข่แดง โดยให้ทานแต่ไข่ขาว
16.อย่ากักตุนอาหารไว้ในตู้เย็น เพราะสาวๆชอบหาข้ออ้างว่า มีไว้เพื่อเลี้ยงเพื่อน หรือเตรียมไว้เพื่อรับรองแขก แต่สุดท้ายก็มักจะเหลือเต็มตู้จนต้องมานั่งกินเอง ถ้าหากไม่อยากอ้วนคุณก็จะต้องกำจัดของในตู้เย็นซะ จะได้ไม่ต้องเผลอหยิบมากิน แต่ถ้าหากต้องการอาหารติดตู้เย็นแนะนำให้เป็นพวกอาหารเพื่อสุขภาพหรือผลไม้จะดีกว่า
17.อย่าดูทีวีไป กินไป
18.อย่าทานอะไรหลังมื้อเย็น เพราะถ้าหากคุณทานอาหารมื้อเย็นเรียบร้อยแล้วร่างกายจะพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นควรที่จะปล่อยร่างกายให้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แล้วค่อยไปเริ่มให้ในมื้อเช้าถัดไป
19.การดื่มชาเขียว เป็นอีกทางหนึ่งที่สามารถช่วยในการลดน้ำหนักของคุณได้ เพราะชาเขียวจะช่วยในเรื่องของการเผาผลาญแคลอรี่ได้ ซึ่งควรดื่มประมาณ 3 ถ้วยต่อวัน และไม่ควรดื่มชาเขียวที่ผสมน้ำตาลในปริมาณมากๆ
20.ความเครียด คือ จุดอ่อน เพราะถ้าหากปริมาณฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้นก็จะส่งผลให้ความต้องการอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึงคุณจะหิวบ่อยนั่นเอง
21.ดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ปกติแล้วทุกคนควรจะดื่มน้ำอยู่ที่ 8-12 แก้วต่อวัน เพราะน้ำจะเป็นตัวช่วยในการเร่งระบบเผาผลาญ ที่จะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน ทั้งยังจะช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น ดังนั้นคุณควรดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง แต่อย่าไปมองน้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม ยกเว้นแต่น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง
22.การออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการรักษาน้ำหนักของคุณให้คงที่ในระยะยาว ซึ่งอาจจะทำได้ด้วยการเดินวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน
23.หาเพื่อนร่วมในการไดเอท เพราะการมีเพื่อนหัวอกเดียวกันอยู่ด้วยจะทำให้คุณมีกำลังที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
24.ระวังสลัดน้ำข้น
25.ค่อยๆเคี้ยวช้า
26.สรรหาจานสีเข้มๆ
27.การหัวเราะ จะช่วยให้หัวใจของคุณเต้นเร็วขึ้นและการที่เราหัวเราะจะทำให้เราหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปได้มากขึ้น ทั้งยังได้ออกกำลังหน้าท้องอีกด้วย
28.เลือกทานผลไม้สด เพราะในผลไม้ดองก็อาจมีสารแซคคารีนหรือที่เรียกว่าขัณฑสกรผสมอยู่ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และในน้ำผลไม้ปั่นก็จะมีทั้งน้ำเชื่อม น้ำตาลผสมอยู่
29. อ่านฉลากก่อนซื้ออาหารหรือเครื่องดื่ม เพราะมันจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันหรือแคลอรีสูงได้
30.เพิ่มรสชาติความเผ็ดให้กับอาหารนิดหน่อย เพราะพริกจะช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายและช่วยในการเผาผลาญซึ่งมีประโยชน์ในเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก
31.โปรตีนตัวช่วยในการลดความอ้วน เพราะโปรตีนจะช่วยกระตุ้นร่างกายให้เผาผลาญไขมันได้ดีขึ้นคงสภาพกล้ามเนื้อ โปรตีนที่แนะนำคือ โยเกิร์ต นม และอาหารจำพวกถั่ว
32.นอนหลับให้เพียงพอ ถ้าหากคุณนอนหลับไม่เพียงพอจะมีผลกระทบต่อฮอร์โมนเลปตินซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหาร ทั้งยังสามารถช่วยให้ร่างกายได้กำจัดไขมันส่วนที่เกินไปได้
33.ทานอาหารมื้อเล็กๆหลายๆมื้อ เพราะในการทานอาหาร 4-5 มื้อเล็กๆ ในแต่ละวันจะช่วยในเรื่องของการควบคุมระบบการเผาผลาญและความอยากได้ดีกว่าการทาน 3 มื้อปกติ โดยอาจจะทานผลไม้หรือสแน็กเพื่อให้รู้สึกอิ่มและไม่หิว
34.แบ่งทานบางส่วนไม่ต้องทานให้หมด ควรที่จะแบ่งอาหารไว้ในจาน 4 ส่วนแล้วทานเพียง 3 ส่วนเท่านั้น
35.อย่าอดอาหาร เพราะยิ่งอดอาหารมากเท่าไหร่ก็จะมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด และยังทำให้คุณหิวมากขึ้นจนอาจจะทำให้ทานมื้อต่อไปได้มากกว่าปกติ


อาหารที่ควรกินในช่วงลดน้ำหนัก

สาวๆ ที่กำลังลดน้ำหนักหรือคนที่กำลังรักษาน้ำหนักและสุขภาพควรที่จะให้ความสนใจกับอาหารการกินของเรานะคะ เราได้หาอาหารที่เหมาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนักและรักษาสุขภาพมาฝากกันค่ะ
คาร์โบไฮเดรต
ควรเป็นข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต เพราะมีเส้นใยสูง ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซึมไขมันได้เร็วนัก และร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยมากกว่าแป้งขัดสีหรือข้าวขาวธรรมดาด้วยค่ะ ทำให้อิ่มนาน นอกจากนี้ยังมีวิตามินบีสูง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญอาหารของร่างกายให้สูงขึ้นด้วยค่ะ
โปรตีน
ควรเป็นเนื้อปลาต่างๆ ไก่ไม่ติดหนัง เต้าหู้ หรือเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เพื่อให้ได้รับไขมันน้อยลง ย่อยง่าย โดยเฉพาะปลาและเต้าหู้จะให้พลังงานต่ำ จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะกินในช่วงลดน้ำหนัก แต่ไม่ควรนำไปทอดนะคะ ยังไงก็อ้วนค่ะ เพราะการทอดต้องใช้น้ำมันเยอะ
* ใยอาหาร 
แต่ละมื้อควรมีผักซึ่งควรเลือกผักที่มีน้ำเยอะ ไม่หวานมาก ควรเลือกประเภทใบมากกว่าประเภทหัว ผลไม้ก็ไม่ควรทานที่มีรสหวานมาก เช่น ทุเรียน องุ่น มะม่วงสุก เงาะ ลำใย จะมีปริมาณน้ำตาลสูงค่ะ
กินผักผลไม้ที่ช่วยในการเผาผลาญอาหาร
ได้แก่ธัญพืชต่างๆ เช่นถั่วเขียว ถั่วเหลือง อัลมอนด์ถั่วแดง หรือถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วลิสง อัลมอนด์ แมคาเดเมีย วอลนัท เป็นต้น เป็นพืชที่มีใยอาหารและวิตามินบีสูง จึงช่วยกระตุ้นการเผาผลาญร่างกาย แต่ก็อย่ากินมากนะคะ ถั่วเมล็ดแห้งก็ยังมีไขมันสูงค่ะ
น้ำมันมะกอก
เป็นน้ำมันที่มีกรดโอเมก้า 3 และไขมันไม่อิ่มตัวสูง เมื่อเข้าไปในร่างกายก็จะไปจับอนุมูลอิสระและสารพิษต่างๆ มาเผาผลาญได้ดี แต่วันนึงไม่ควรกินเกิน 1 ช้อนโต๊ะค่ะ
ดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร
น้ำเป็นตัวช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น เนื่องจากช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย หากเราท้องผูก ร่างกายจะเกิดการดึงสารอาหารกลับ ซึ่งมักจะเป็นไขมัน ซึ่งทำให้การลดน้ำหนักทำได้ยากขึ้น ดังนั้นเราจึงควรถ่ายทุกวันนะคะ
อย่างไรก็ตามควรทานในปริมาณที่พอเหมาะนะคะ ไม่ใช่ว่าบอกว่าควรทานก็ตามใจปากได้เลย ทานมากเกินไป ถึงจะเป็นอาหารที่มีประโยชน์ก็อ้วนได้ค่ะ